วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

SOLOMO & ZMOT

So Lo Mo ชื่อเต็มว่า Social Media Location Mobile ความหมายโดยรวม คือ เป็นการประยุกต์ใช้ระบบการเชื่อมต่อสื่อสารแบบไร้สายเคลื่อนที่มาใช้ในการแบ่งปันสนทนา ความคิดเห็นข้อมูล เรื่องสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ผ่านทางระบบสังคมออนไลน์ เพื่อแลกเปลี่ยนแบ่งปันประสบการระหว่างกันในการเลือกสินค้าและบริการซึ่งหลัก ๆ ก็คือ โทรศัพท์ที่เป็นแบบสมาร์ทโฟน ซึ่งผู้บริโภคจะแบ่งปันการสนทนา ข้อมูลประสบการณ์ระหว่างกัน ตลอดจนข้อคิดเห็นต่างๆ 
So ย่อมาจากคำว่า Social แปลตรงตัว คือ สังคม แต่ไม่ใช่สังคมธรรมดา แต่มันเป็นสังคมออนไลน์ ซึ่งปัจจุบันที่โด่งดังคือ Facebook , Twitter , Hi 5
Lo ย่อมาจากคำว่า Location แปลว่า สถานที่ หมายถึง Google Map ตอนนี้หลายเว็บไซต์ไม่ว่าจะเป็นร้านค้าออนไลน์ บริษัท หรือแม้แต่เว็บไซต์ส่วนตัวได้มีการใช้งาน Application ที่ชื่อว่า Google Map เข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจการเลือกซื้อสินค้าหรือทัวร์ต่าง ๆ 
Mo ย่อมาจากคำว่า Mobile ไม่ใช่แค่โทรศัพท์มือถือธรรมดา แต่เป็น SmartPhone , ที่ได้ถูกพัฒนา Application บนมือถือเพื่อรองรับการเติบโตของตลาดออนไลน์ในอนาคต 

ZMOT หรือ Zero Moment of Truth คือ การที่ลูกค้าได้รู้จักและมีความสนใจในสินค้าก่อนที่จะเข้าไปดูสินค้าในร้านค้าจริง ซึ่งอาจรู้จักได้จากการเข้าชมเว็บไซต์ และ Social Media ต่างๆ หรือแม้แต่การสแกน Barcode จากโทรศัพท์แล้วเปิดอ่าน 
ZMOT มีความเกี่ยวข้องกับการนำระบบ Electronic Business มาใช้ โดยการนำมาประยุกต์ใช้ในด้านเทคโนโลยีการสื่อสารเคลื่อนที่ที่มีความอิสระในการเข้าถึง ซึ่งเป็นสิ่งที่นักการตลาดให้ความสนใจในการนำสินค้ามานำเสนอขายที่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้ทุกที่ทุกเวลาอย่างไร ZMOT นับว่ามีอิทธิพลต่อคนกลุ่มผู้บริโภคประเภทนี้เป็นอย่างมาก ซึ่งนับวันก็จะเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่ง ZMOT จะมีประโยชน์กับ
แบรนด์ในมุมของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อไป

สาเหตุที่ทำให้ธุรกิจ Ecommerce ในประเทศไทย ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร

1. ร้านค้าในประเทศไทย มีมากมายภายใน 1 อำเภอ อาจจะมีมากกว่า 4 แห่งก็ได้ ทั้ง บิ๊ก ซี, โลตัส หรือ 7-Eleven มีมากมาย อยากจะได้อะไรก็เดินทางไปดูได้ด้วยตัวเอง การจะให้เว็บไซต์ของเราซื้อขายผ่าน Internet ได้ จึงต้องมีความแตกต่างกับการซื้อขาย ในห้างร้านทั่วไป
2. เว็บไซต์ E-commerce เกือบทุกเว็บ จะขายสินค้าหรือบริการอย่างใดเพียงอย่างเดียว เป็นการบังคับให้ลูกค้า เข้ามาซื้อของในเว็บไซต์ของตัวเอง 
3. การโปรโมทเว็บให้คนรู้จัก ก็เหมือนกับการเปิดร้านค้า ถ้าไม่โปรโมทก็จะไม่มีคนรู้จัก การทำเว็บไซต์ผู้ประกอบกิจการหลายแห่งให้ความสำคัญกับความสวยงามของเว็บโดยการใช้แอนนิเมชั่นให้สวยงาม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การใช้งานของเว็บไซต์ ที่ต้องคำนึงถึงผู้ใช้งาน มากกว่าเจ้าของเว็บ เว็บไซต์ต้องใช้งานง่าย เข้าถึงได้รวดเร็ว
4. การชำระเงินออนไลน์ จากงาน E-commerce E-Business Expo 2007 ที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน จะเห็นได้ว่า ธนาคารต่าง ๆ ทั้ง ธ.กสิกรไทย ธ.กรุงเทพฯ ฯลฯ ให้ความสำคัญกับการชำระเงินออนไลน์ และมีการจัดสัมมนาภายในงานอีกด้วย ทำให้เห็นได้ว่า ธนาคารต่าง ๆ เล็งเห็นถึงความสำคัญกับ E-commerce ในประเทศไทยที่มีโอกาสเติบโตได้ดียิ่งขึ้นในอนาคต ผู้ประกอบธุรกิจหลายหมื่นคน ให้ความสนใจมาก แต่บุคคลทั่วไป ที่ไม่มีความชำนาญในการใช้อินเทอร์เน็ต การจะให้หันมาใช้การซื้อขาย ผ่านเว็บไซต์ก็ยังคงเป็นเรื่องยากอยู่
5. เครื่องมือสื่อสารกับเจ้าของเว็บ ผู้ประกอบกิจการ E-commerce หลายคน มีเว็บเป็นของตัวเอง แต่อีเมล์ที่ใช้ กับเป็น ฟรีอีเมล์ อย่าง Hotmail, Google, Yahoo จะเป็นอย่างไรถ้าลูกค้าติดต่อกับคุณแต่ อีเมล์ที่ได้รับเป็น tonlofc@hotmail.com ลูกค้าจะมั่นใจได้อย่างไรว่า อีเมล์ ที่ติดต่อนั้นคือ เจ้าของเว็บแน่ ๆ ถ้าไม่ใช่ info@siamwebthai.com

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ
1. นโยบายการคืนสินค้า (Return Policy) ถึงแม้ว่าจะมีรายละเอียดของสินค้าปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ก็ตามแต่สินค้าจำพวกอัญมณีเหล่านี้มีความจำเป็นที่จะต้องพิจารณา และจับต้องThaigem.com ยินยอมให้ลูกค้าคืนสินค้าอย่างไม่มีเงื่อนไขได้ภายใน 30 วัน
2. การรับประกันสินค้า (Gemological Authenticity Certificate) เพื่อความมั่นใจในตัวสินค้า Thaigem.com ได้มีการออกใบรับรองสำหรับสินค้าที่ซื้อบนเว็บไซต์นี้
3. เปิดโอกาสให้ลูกค้ากำหนดราคาซื้อที่พอใจ (Make an Offer) ความจริงแล้วนี่คือรูปแบบของAuction นั่นเอง การเปิดโอกาสให้ลูกค้าค้นหารายการสินค้าและกำหนดราคาซื้อเป็นนโยบายการตลาดที่ยอดเยี่ยม ทำให้ลูกค้ารู้สึกเป็นกันเอง คล้ายกับการซื้อขายปกติที่มีการโต้ตอบ และการหลีกเลี่ยงคำว่า “Auction” สร้างความรู้สึกที่ดีกว่าให้กับลูกค้าอีกด้วย
4. การจัดส่ง (Delivery) เพื่อความมั่นใจ เว็บไซต์แห่งนี้เลือกใช้บริการของ Fedex ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในมาตรฐานการให้บริการในระดับโลก และเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถติดตามสถานะของรายการสินค้าที่สั่งซื้อผ่านทางเว็บไซต์อีกด้วย
5. นโยบายการชำระเงิน (Payment System) เพื่อความสะดวก ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการชำระเงินผ่านบัตรเครดิตที่มีระบบความปลอดภัยที่ได้มาตรฐานสูง (SSL - Secure Socket Layer) หรือผ่านตัวกลางที่เป็น Third Party อาทิเช่น Escrow.com หรือ PayPal เป็นต้น
6. นโยบายด้านความเป็นส่วนตัว (Privacy) มีการระบุชัดในเรื่องของมาตรฐานของความเป็นส่วนตัวของข้อมูลลูกค้าเช่นเดียวกับเว็บไซต์มาตรฐานทั่วไป จะเห็นได้ว่าความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจผ่านอีคอมเมิร์ซนั้นมิใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาได้ง่าย หากแต่มาจากการริเริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป และการเข้าใจถึงพฤติกรรมของลูกค้าอย่างแท้จริง ทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบการสั่งซื้อ การรักษาความปลอดภัย คุณภาพและการรับประกันในตัวของสินค้าและระบบการชำระเงินที่เชื่อถือได้

เรื่อง "Online Business with Google"

ให้ น.ศ. ฟังบรรยายเรื่อง "Online Business with Google" แล้วปฏิบัติดังนี้ 
1.สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการรับฟัง ลงใน Web Blog ของ น.ศ.
         ระบบสังคมออนไลน์ต่างๆ มีการแลกเปลี่ยนแบ่งปันประสบการระหว่างกันในการเลือกสินค้าและบริการ ด้วยการนำ ZMOT มาใช้ ZMOT ซึ่ง คือการเติบโตของอินเทอร์เน็ตและเครื่องมือที่ใช้เชื่อมต่ออย่างสมาร์ทโฟนซื่งจะมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา
          ZMOD ย่อมาจาก Zero Moment of Truth จุดก่อนกำเนิดของกระบวนการคิดและกระบวนการซื้อสินค้า การค้นหาพบได้นั้นจะต้องมีปัจจัยประกอบดังนี้
1 Get your business online คือ การเข้ามามีตัวตนบนโลกออนไลน์ การสามารถค้นพบได้ด้วยSearch Engine ซึ่งให้เราอยู่ในผลการค้นหาได้ โดยส่วนใหญ่จะใช้ Google ในการค้นหา ซึ่งการค้นพบเป็นลำดับแรกๆจะต้องอาศัยค่า Page rang คือข้อมูลและจากจำนวนการเข้าชม ซึ่งจะเป็นค่าสะสมไว้ในการค้นหา 
2. Be found – when customer is searching คือ การสามารถค้นพบได้จากการค้นหาเป็นลำดับแรกๆ ซึ่งอาจเป็นการค้นหาเจอได้โดยทั่วไปซึ่งจะต้องทำให้ค่า Page rang สูง หรือการค้นหาเจอโดยการซื้อตำแหน่งคำค้นหา หรือการโฆษณาโดยตัวค้นหาหรือ Google Adwordsซึ่งผู้ซื้อจะมีค่าใช้จ่ายทุกครั้งลูกค้าคลิกเข้าไป
3 Be reached – show where you are คือ การสามารถค้นหาเจอได้จากแผนที่อาจผ่านทางGoogle maps เพื่อระบุตำแหน่งของห้างร้านคุณ 
4 Get closer to your customers คือ การใกล้ชิดกับลูกค้ามากขึ้น โดยการผ่านทาง Google plusทำให้เสนอข้อมูลและคุยกับลูกค้าได้ ซึ่งปัจจุบัน คือการคุยผ่าน วีดีโอConference นั่นก็คือ Google plus Hangouts เป็นการเปิดพื้นที่ในการสนทนาหลายคนพร้อมกันเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นหรือการนำเสนอสินค้าได้ 
5. Increase your performance คือ การสร้างรายงาน โดย Google narcotic เพื่อวัดการเข้าดูแบบทันทีทันใดในขณะนั้น การตรวจสอบรายละเอียดของผู้เข้าชมเพื่อวัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์ 
6. Engage your customer anywhere anytime คือ การค้นหาบนมือถือไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเข้าถึงโฆษณาเราได้ ซึ่งต้องออกแบบให้เป็น Mobile siteเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ 
7. Go Global (AEC) คือ การเข้าถึงได้ทั่วโลก คือ Google มีความสามารถในการช่วยในด้านภาษาก็สามารถช่วยในการแปลภาษาให้เข้าใจระหว่างกันได้ ทำให้ภาษไม่เป็นอุปสรรคในการสื่อสารด้วย Google translate


 2.หาคำศัพท์ที่ได้จากการรับฟังพร้อมหาความหมาย เพื่ออธิบายคำศัพท์ดังกล่าว อย่างน้อย 20 คำ แล้วสรุปใน Web Blog
1. Street view คือ มุมมองที่เสมือนจริง
2. segment คือ ส่วนประกอบ
3. Conversations คือ การสนทนา 
4. Google adwords เป็นการค้นหาให้เป็นลำดับแรกๆโดยการโฆษณาให้เป็นลำดับแรกจากการค้นหา เมื่อผู้เข้าชมคลิกทุกครั้งผู้ที่จ้างก็ต้องเสียค่าใช้จ่ายทุกครั้งที่มีการคลิก
5. Search engine optimization (SEO) แปลว่า "การเลือกทางเลือกที่ดีที่สุดในเสิร์จเอนจิน" คือ กระบวนการที่ทำให้เว็บไซต์ หรือ ชื่อเว็บไซต์ ปรากฏอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดของผลการค้นหาผ่าน เว็บเสิร์ชเอนจิน (Search Engine) ด้วย Search Keyword ที่เกี่ยวข้องกับ ธุรกิจ ข้อมูล เนื้อหา บทความ สินค้าและบริการ ที่นำเสนอผ่านเว็บไซต์ของเรา โดยรักษาให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีที่สุดเสมอ (ปกติจะพยายามทำให้อยู่ในหน้าแรกของการค้นหา) คะ ซึ่งการทำSEO นั้นจะประกอบไปด้วย การปรับปรุง-เพิ่มคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ในหน้าเว็บไซต์ การปรับแต่งหน้าเว็บไซต์ให้มีขนาดเล็ก การใช้ meta tag และวิธีอื่นๆ ควบคู่กันไป
6. Second Moment of Truth คือ การที่เราใช้สินค้า แล้วรู้สึกว่าสินค้านี้ตอบโจทย์ ตอบความคาดหวัง
7. Rail time คือ การทำงานแบบตอบสนองทันทีทันใด
8. Engage คือ การประกอบ 
9. Performance คือ การปฏิบัติ 
10 . First Moment of Truth คือ เมื่อเข้าไปในสโตร์ แล้วสามารถเห็นสินค้าทันที ส่วน
11. Natural Result คือ ผลที่ได้ออกมาตามธรรมชาติ
12. Page Rang คือ หน้าหลักของเว็บไซต์นั้นๆ ที่ใช้ในการติดต่อ
13. Map คือ แผนที่
14. Success คือ ประสิทธิผล การประสบความสำเร็จ
15. Increase คือ การเพิ่มขึ้น 
16. mobile Site เปรียบเทียบกับการโฆษณาบน website ทั่วไป คือความไม่แออัด ของโฆษณา เนื่องจากปกติแล้วในแต่ละ mobile site จะมี banner โฆษณาเพียงหนึ่งชิ้นต่อหน้า แต่บนwebsite ทั่วไปมักจะมีหลายโฆษณา รูปแบบการโฆษณาผ่านมือถือ
17. Search คือ การค้นหา
18. Moment คือ การดำเนินการในขณะนั้น
19. Be found คือ การค้นพบ
20. Global คือ ความทั่วถึง การเข้าถึงทั่วโลก

การทำธุรกิจและการตลาดในยุคดิจิทัล 3.0

ให้ น.ศ. ฟังบรรยายเรื่อง "Online Business with Google" แล้วปฏิบัติดังนี้ 1.สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการรับฟัง ลงใน Web Blog ของ น.ศ. 2.หาคำศัพท์ที่ได้จากการรับฟังพร้อมหาความหมาย เพื่ออธิบายคำศัพท์ดังกล่าว อย่างน้อย 20 คำ แล้วสรุปใน Web Blog
1.สรุปองค์ความรู้ที่ได้จากการรับฟัง ลงใน Web Blog ของ น.ศ. 
Media แบ่งออกเป็น 4 ประเภทคือ
1. Owned media เป็นสื่อเว็บไซต์ที่เราเป็นเจ้าของเอง
2. Paid media สื่อที่เราต้องจ่ายเงินซื้อประเภท Branner, Sponser ship
3. Earned Media ลูกค้าเป็นเจ้าของ โดยมีการพูดถึงธุรกิจกับลูกค้าด้วยกัน
4. Social Media เจ้าของธุรกิจเป็นผู้ติดต่อกับลูกค้าโดยตรง เสนอข้อดีของธุรกิจให้กับผู้บริโภค
การนำ Co-creation ไปใช้ประโยชน์ใน Social Media การให้ผู้บริโภคมีส่วนร่วมในการพัฒนาสินค้า การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้ประกอบการโดยตรง ผ่านสื่อ Social ต่าง เช่น facebook การกดไลค์โดยไม่มีผู้ Comment หรือแลกเปลี่ยนความเห็นก้อไม่มีประโยชน์อะไรในธุรกิจ และะยังช่วยในการประหยัดเรื่องการทำนวัตกรรทใหม่ๆ อีกด้วย
ในยุคแรกๆ การทำ Awareness เปรียบเสมือนการขับเคลื่อนในการสร้าง Brand ของธุรกิจ แต่ปัจจุบันเราต้องมองในด้านของการสร้างไดอะล็อกในการบทสนทนา Dialog Conversation ระหว่างธุรกิจและลูกค้า เปลี่ยนจาก Customer มาเป็นคำว่า Fans ความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบ Share ข้อมูลระหว่างกัน
2.หาคำศัพท์ที่ได้จากการรับฟังพร้อมหาความหมาย เพื่ออธิบายคำศัพท์ดังกล่าว อย่างน้อย 20 คำ แล้วสรุปใน Web Bblog
1. Influencer Marketing คือ แนวคิด Influencer Marketing นักการตลาดจำเป็นต้องใช้สัญชาตญาณ และการสังเกตเล็กน้อย ก่อนจะเลือกใครสักคนใน Community แต่ละเรื่องมาเป็นผู้ทรงอิทธิพล จำเป็นต้องเรียนรู้พฤติกรรมการตอบสนองของเขาต่อผู้ที่ติดตาม และต้องเฝ้าวิเคราะห์ 
2. Buzz Marketing คือ การตลาดแบบผึ้งแตกรัง
3. Community Marketing คือ การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีทำให้การตลาดสินค้าเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไป ก่อให้เกิดการตลาดแบบใหม่
4. Cause Marketing คือ การเชื่อมธุรกิจของคุณเข้ากับองค์กรที่ไม่หวังผลกำไร (NGO) หรือองค์กรการกุศลต่างๆ ซึ่ง เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยส่งเสริมธุรกิจ
5. Referral Marketing คือ การตลาดแบบแนะนำบอกต่อ
6. Evangelists Marketing คือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่มักจะนิยมและนำไปใช้เกือบทุกๆ ครั้งของการรวมกลุ่มมวลชนหรือการสร้างม็อบก็คือ Evangelist marketing
7. Content Marketing คือ การนำ Content หรือเนื้อหา มาเป็นส่วนหลักในการทำการตลาด
8. Change of costomer การเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ผู้ประกอบการควรรู้
- ความมีอิสระต่างๆ ไม่ขึ้นกับใคร การแสดงความคิดเห็นชอบ ไม่ชอบอย่างไม่สนใจใคร
- มีบทบาทเป็น Reviewer มีการวิจารณ์มากขึ้น การประกาศได้ง่ายในกลุ่มของ Publisher การกระจายข่าวได้ง่ายและกว้าง
- การสร้างบทสนทนาที่ดีระหว่างธุรกิจกับลูกค้า การตอบโต้พูดคุย แลกเปลี่ยนความเห็นกันข้อดี ข้อเสียของสินค้า
- การคำนึงถึงความโปร่งใส จริงใจ ในยุคนี้เป็นยุค open เพราะทุกสิ่งทุกอย่างเข้าถึงได้ง่าย การนำข้อมูลของผู้อื่นไปใช้ ทั้งภาพรูป เสียง สมควรที่จะมีการอ้างถึง หรือทำ Credit
- การอาศัยความร่วมมือของผู้บริโภค เพื่อประยุกต์ใช้ด้านการตลาด
- การหาข้อมูลจากสื่อเทคโนโลยีต่างๆ ผู้บริโภคจะฟังข้อมูลจากบุคคลอื่นมากกว่า เจ้าของธุรกิจหรือผู้ประกอบการ ส่วนมากจะเชื่อคำวิจารณ์จากลูกค้าด้วยกันที่เคยใช้บริการมาแล้ว
9. Alway on & Control ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ออนไลน์ตลอดเวลา และอำนาจส่วนใหญ่อยู่ในมือผู้บริโภค
ขั้นตอนแรกในการสร้าง Product offering
- Awarneness การทำให้ผู้บริโภครู้จัก
- จากนั้น การทำ Involvement การทำให้เกิดมีส่วนร่วมกับธุรกิจ
- จากนั้น การทำ Trial มีการให้ลูกค้าทดลองสินค้า แล้วเกิดความชอบสินค้าของธุรกิจ
- จากนั้น การทำ Commitment เมื่อชอบแล้วมีการบอกต่อให้กับผู้บริโภคคนอื่น
- สุดท้ายของการทำ Referral ต้องทำให้ลูกค้าเกิดความมั่นใจในสิค้า และกล้าแนะนำให้ผู้บริโภคคนอื่นที่ไม่รู้จักมาใช้สินค้าหรือบริการนั้นๆ ต้องติดต่อเข้าถึงลูกค้าได้ง่าย ให้ข้อมูลสินค้าแก่ลูกค้าได้ มีการทำ Entertainment Value ต้องมีการ Share Brand ธุรกิจ ระหว่างผู้บริโภคด้วยกัน สามารถทำให้ลูกค้ามีความสุข ประทับใจธุรกิจ
10. Change of marketing การเปลี่ยนแปลงของการตลาด
11. Transaction Marketing เปรียบได้กับการซื้อมา ขายไป การแลกเปลี่ยนแบบมีสถานที่ หรือตลาดคงที่ สามารถจับต้องได้ ลูกค้าเป็นผู้ตัดสินใจเท่านั้นในการซื้อสินค้า การบริโภคของลูกค้าองค์กรธุรกิจสามารถกำหนดคามต้องการของผู้บริโภคได้ เหมือนหยิบสินค้าใส่มือผู้บริโภค 
12. Relatioship Marketing เป็นการให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ แบบ One on One ลงทุนในระยะยาว ความจงรักภักดีของลูกค้าต่อธุรกิจ ด้านการตลาดไม่จำเป็นต้องเป็นสถานที่ที่จับต้องได้ ความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจกับลูกค้าเท่านั้น บทบาทของธุรกิจมีการสำรวจกลุ่มเป้าหมายผู้บริโภค
13. Collabrative Marketing ความสัมพันธ์การตลาดแบบ Many to Many การร่วมกลุ่มกันทำการตลาด ลูกค้ามีส่วนช่วยในการโฆษณา ออกความคิดเห็นได้ ปรับเปลี่ยนรูปแบบสินค้าได้ตามความต้องการ การใช้หลักการ Co created experence การได้มีส่วนร่วมในการสร้างสินค้าร่วมกัน ด้านการตลาดมีตลาดเปรียบเสมือนเวที สร้างรายการสินค้า เปลี่ยนแปลงรูปแบบหน้าร้านได้เสมอ ความสัมพันธ์ไไม่ได้มองเพียงธุรกิจ กับลูกค้าแต่รวมถึง คู่แข่ง และคนที่ไม่ใช่ลูกค้าทุกๆ คนด้วย ด้านธุรกิจ ใช้ผู้บริโภคเป็นผู้ตัดสินใจในตัวสินค้าแล้วบอกข้อมูลแก่ธุรกิจ
14. Brand can use Co-creation การทำ Co-creationมีสว่นช่วย Brand ในเรื่องใดบ้าง
- ช่วยในด้านการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เช่นการให้ลูกค้าคิดสูตรอาหารที่ต้องการเอง การให้ลูกค้า
- ออกแบบเสื้อแล้วนำมาแชร์กันเพื่อผลิตออกจำหน่าย ช่วยในด้านการสร้างความสัมพันธ์ จากความสนิท คุ้นเคย ปรึกษาหรือพูดคุยอยู่บ่อยๆ
- ช่วยในด้านการให้บริการ การออกความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าและบริการ
- ช่วยในด้านการเก็บข้อมูล การสำรวจข้อมูลไปใช้ในการทำวิจัย
- ช่วยในด้านการจัดแบ่งกลุ่มผู้บริโภค
- ช่วยในด้านการพัฒนาองค์กร ธุรกิจของผู้ประกอบการ
15. The world of communication is ever Changing การเปลี่ยนแปลงในเชิงการสื่อสาร
16. Awarneness การทำให้ผู้บริโภครู้จัก
17. Conversation Marketing คือ การตลาดที่เกิดมาจากการสนทนากันแต่ที่คนพูดถึงคำๆ นี้ เขาว่ากันว่ามันเป็นอะไรที่มากกว่าการคุย
18. Product Marketing คือ การวางแผนทางการตลาด
19. Brand Marketing คือ การทำให้ สองส่วนนี้เข้าใกล้กันและกัน ยิ่งเราสามารถทำให้ใกล้กันแค่ไหน Brand ที่ส่งออกมาก็จะชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
20. Viral Marketing คือ การตลาดแบบไวรัส